วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ภูมิหลัง Castrol

         เริ่มแรกเดิมทีก่อนที่จะมาเป็น Castrol ชาร์ล "เชียร์" เวคฟิลด์เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันในประเทศอังกฤษ ที่มีชื่อว่า ซีซี เวคฟิลด์ เขาใช้เวลาหลังจากนั้นเป็นเวลา 10ปี ในการคิดค้นน้ำมันหล่อลื่นที่ผสมผสานมาจากประสิทธิภาพชั้นสูงและเทคโนโลยีสมัยใหม่จนได้ออกมาเป็นน้ำมันล่อลื่นเครื่องยนต์ที่มีชื่อว่า Castrol ซึ่ง

         โลโก้ครั้งแรกมีสีแดง ขาวและเขียว ซึ่งมีคุณสมบัติลดแรงเสียดทานของวัตถุชิ้นที่เสียดสีกัน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ป้องกันการกัดกร่อนจากสนิมและกรดต่างๆ นอกจากนี้ชาร์ล เวคฟิลด์ ยังเป็นผู้นำการพัฒนา อุตสาหกรรม ยานยนต์อย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องการสันดาปเครื่องยนต์,บุกเบิกการบินพาณิชย์,มอเตอร์ไซค์,ยานอวกาศ จึงทำให้คาสตรอล ได้ถูกเลือกในการสร้าง สถิติ ความทนทาน, ทางบก ทางทะเล ทางอากาศ ในทางด้านนี้เกือบทุกชนิด

         CASTROL หันมาทำการตลาดทางด้านยานยนต์โดยเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับรถแข่งของนักขับชื่อดังของโลก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

       
ปีพ.ศ.2473


                          Castrol ได้สนับสนุนทีม อีเจ.แอนเดอร์สัน ซึ่งเป็นทีมแข่งรถที่โด่งดังในสมัยนั้นทำให้Castrolเป็นที่รู้จักในนาม "คาสตรอล แอนดี้" ในเวลาต่อมา การพัฒนาของCASTROL นั้นไม่ได้สนับสนุนแต่ภายนอกองค์กรอย่างเดียว แต่กลับมองมาภายในตัวองค์กรด้วย


ปี พ.ศ.2478
                           Castrol ได้จดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาเพื่อการลด คาร์บอน และสลายสิ่งสกปรกในเครื่องยนต์ ทำให้ CASTROL เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างมากขึ้น


ปี พ.ศ.2540

SSC THURST

                           ในรายการแข่งขันรถแบล็คร็อคเดสเอิท ที่เนวาดา สหรัฐอเมริกา “เอสเอสซี ทรัสท์” ได้ทำลายสถิติโลกลงด้วยความเร็ว 763.035 ไมล์ต่อชั่วโมง (1277.983 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) โดยใช้น้ำมันเครื่อง CASTROL ลงทำการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย ทำให้ชื่อของ CASTROL โด่งดังไปทั่วโลก



และ  พ.ศ.2545

John Force

                           นักแข่งรถหลายทีมหันมาสนใจใช้เทคโนโลยีน้ำมันหล่อลื่น คาสตรอล และประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลก 5 ครั้ง รวมทั้งตำนานความสำเร็จต่อเนื่อง 10 ครั้งของ จอห์น ฟอซ
จากที่นักแข่งรถชื่อดังของโลกหลายๆคนคว้าแชมป์สำคัญๆของโลกมาครองได้ ประกอบกับการพัฒนาคุณภาพของสินค้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ CASTROL ทำให้CASTROL เข้ามาครองใจคนที่อยู่ในแวดวงยานยนต์อย่างต่อเนื่องจวบจนทุกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น